Saturday, February 07, 2009

มีคนอ่านด้วยเหรอวะเนี่ย

เนื้องด้วยผมไม่เคยคิดว่าจะเขียนให้ใครอ่าน คิดว่าเขียนไปเรื่อยๆไว้หัดขีดๆเขียนๆเอาไว้จะได้ชินมือ จึงไม่ค่อยได้เช็คพวก comment ตามที่ผมเขียนสักเท่าไหร่ กลายเป็นว่ามีคนเเปลกหน้าเเปลกตาที่ผมไม่รู้จักมาท้ิงร่องรอยการสำรวจกระดานดำ electronic ของผมพอสมควร ไม่มากไม่มายเเต่พออนุมานได้ว่ามีมากกว่าหนึ่งคน ก็ให้รับรุ้ด้วยนะครับว่าผมไม่ค่อยได้เช็ค comment เเล้วไอ้เจ้า blogspot มันก็ไม่ได้มีระบบว่าใครมาทิ้งร่องรอยเอาไว้ ผมเลยไม่อาจจะทราบได้ ก็ขออภัยไว้ด้วยครับไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่ตอบหรือไม่ได้เเอ๊ดเเต่อย่างไร

Wednesday, October 29, 2008

....

ทำไมสอบควอลผ่านดีใจไม่เท่าเห็นคนที่เรารักดีใจว่าเราสอบผ่านวะ

Monday, October 13, 2008

Crepe

ภาพสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นคนมีความสุขในการกินเครป

Wednesday, October 31, 2007

กระดกลิ้น

ทำไมช่วงสอบมันถึงได้ยุ่งขนาดนี้มีเวลาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ไอ้ที่ไม่ค่อยมีอยู่เเล้วยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ เพ่ิงเร่ิมรู้สึกว่าความสามารถคนเรามีขีดจำกัดอีกครั้งก็คราวนี้เอง เครียดมากให้พัก คิดไม่ออกให้หยุดคิด เเล้วก็คิดได้เองว่ามันก็เเค่นี้เอง จะเอาอะไรมากมาย เเค่การเรียนจะเอาไรมากมาย (ถามอีกที) ช่วงที่รู้สึกดาวน์ทางสมองสุดๆ การทำอะไรที่ไม่ค่อยได้ทำมานานนี่ ถือว่าเป็นการคลายเครียดอย่างเเรง อย่างที่คุณหมอว่าอดีนาลีนหลั่งออกมาทำให้ตื่นเต้น เอ็นโดฟินหลั่งออกมาให้มีความสุข เหตุมันเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง เืพื่อนผมจากพิทส์เบิร์กต้องบินกลับไปเผาศพคุณยายที่เมืองไทย เเล้วต้องมาต่อเครื่องที่เเอลเอ ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาตลอดหกปีในเมกา ใครผ่านมาเเวะเครื่องนานต้องโทรมาเรียกตัวให้ไปรับออกมากินข้าวเป็นนิจ ไอ้เราก็มีคิวสอบเพียบ อ่านก็ไม่ทัน เเต่ก็เอาวะไม่อยากขัดจารีตที่ปฏิบัติกันมาช้านาน ก็ไปทำตามหน้าที่ซะหน่อย ก็กินข้าวกันปกติ เเต่เหตุมันเกิดตอนขากลับบ้านนี้สิ ขับรถลงจากฟรีเวย์เรียบร้อยอีกสามไมล์ก็ถึงบ้านเเล้ว มีรถขับเเซงหน้าไปเร็วมาก ผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ขับต่อไปเรื่อยๆ จนเกิดไปเเซงหน้ามันเข้า เเล้วก็ไปติดกันหน้าไฟเเดง รถมันติดฟิล์มซะมองไม่เห็นข้างใน ผมก็มองมันไปซักพักจนเลิกมอง ในใจก็คิดว่าเออกูก็ไม่ได้ทำไรมันนี่หว่า เเต่ก็คิดในใจสงสัยเเม่งอยากเเข่งรถวะ รถมันเเต่งมาซะดูเเรงเต็มพิกัด ก็รอไฟเขียวปรากฏพอเขียวปุ๊บมันเอาเลยครับออกเอียด ตอนนั้นสมองผมก็คิดไม่ทันเเต่เท้ากะมือขวาก็ทำงานสับเกียร์กระทืบคันเร่งตามมันไปเหมือนกัน สรุปออกเอี๊ยดทั้งคู่เเต่ผมออกช้าก็มันหนึ่งวินาทีได้ ก็ใส่กันเท่าที่พอจะกล้า เเซงไม่ได้หรอกครับ ไม่กล้าพอด้วยเพราะไม่ได้เล่นอย่างนี้ตั้งเเต่เมืองไทย สรุปเเฟ้ครับ พอรถไปติดไฟเเดงหน้ามันก็ลดกระจกลงมา ผมก็เลยชะลอเทียบข้างๆมัน นึกว่าเเม่งจะด่าห่วยเต็มที่หรือไม่ก็เเถมของลับ เเต่ปรากฏมันกลับยกน้ิวให้ครับ เอาก็เอาวะไหนๆก็ไหนๆก็เลยยกให้มันไปด้วย เเล้วก็หัวเราะเเล้วก็เเยกกันทางใครทางมัน กระดกที่หนึ่งเเพ้เเต่มัน สนุก ตื่นเต้น เเต่ไม่ขอให้เลียนเเบบ กระดกลิ้นที่สองสอบมิดเทอมตัวเเรกเสร็จไปเรียบร้อย เป็นอันว่าวิชาที่มีตัวเลขมหาโหดผ่านไปโดยดี ด้วยความไม่เข้าใจ ทำไงได้ทำเท่าที่ทำได้ ดันสอบวันคืนปล่อยผีจะมานั่งเศร้ากับผลสอบอยู่ใย ขอตัวไปกระดกลิ้นที่ Halloween Party ก่อนละครับ

Thursday, October 11, 2007

3-1

ห่างหายจากการเขียนบล็อคมาเป็นหลายอาทิตย์ มองดูอีกทีก็ปาเข้าไปสองเดือน จะเขียนๆก็มีเรื่องให้ต้องทำตลอด อย่างปิดภาคฤดูร้อนที่ผ่านมาว่าจะอ่านพวกเลขกะพับพลิคช๊อยส์ให้จบ ก็ไม่จบกระสุนพลาดเป้าไปเหลือหลาย เวลาส่วนใหญ่หมดไปกะการทำงานกะเที่ยวเล่นไปตามระเบียบ มีอยู่เรื่องเดียวที่พอเข้าเป้าคือเรื่องสอบวัดเกณฑ์ของ ป เอก ผมว่าหลายๆคนที่เรียนอยู่โดยส่วนใหญ่น่าจะผ่านประสบการณ์อันน่ารันทดเหมือนกัน (อนุมานว่าเรียนสาขาเดียวกันนะ) เนื่องจากจะต้องสอบกลางภาคกับปลายภาคให้ผ่านในเกณฑ์ดีเเล้วนั้น ยังต้องเผชิญชะตากรรมในการสอบวัดผลวิชาหลักของสาขาอีก โปรเเกรมที่ผมเรียนอยู่นั้นค่อนข้างยืดหยุ่นกับการกำหนดเวลาสอบพอควร พูดง่ายๆว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปลงชื่อกะทางเลขาคณะว่าจะขอสอบวิชานั้นวิชานี้ตามรอบที่เค้าเปิดให้สอบ ซึ่งปกติจะเปิดสองรอบต่อปี ในปีเเรกผมไม่ได้สอบวิชาใดๆเลย มัวเเต่ลงไปซิทอินเป็นส่วนใหญ่ เพ่งมาเริ่มวางเเผนสอบก็ต่อเมื่อรู้ว่าปีการศึกษาหน้าวิชาที่ผมจะสอบนั้นจะเปลี่ยนตัวผู้สอน ดังนั้นก็ควรจะรีบๆสอบให้เสร็จๆไม่งั้นคงเเย่เเน่ๆ

วิชาที่ผมต้องสอบก็มีตัวเเรกระหว่างเเมคโครหรือไมโคร ตัวที่สองเป็นพับบลิคช๊อยส์ ตัวสุดท้ายเป็น การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากลังเลๆว่าจะสอบไมโครหรือเเมคโครดี ก็เลยไปถามๆอาจารย์ดูว่าจะสอบตัวไหนดี เพราะส่วนตัวผมชอบไมโครกว่าเเมคโครเยอะกว่ามาก ก็ไปคุยกะอาจารย์ทีสอนไมโครว่าโอกาสที่จะขอสอบเป็นไงบ้าง เเน่นอนครับ เนื่องจากผมไม่เคยลงกะเเกเลย อาจารย์เลยกล่าวลอยๆว่า บอกให้ลงเรียนไปหลายครั้งเเล้ว ไปนั่งเฉยๆก็ได้ ไม่ทำ เเล้วจะมาสอบกะเเก ถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่ผ่าน เเล้วเเกก็ซักประวัติว่าจบจากไหนมา เรียนเป็นไงมั่ง สุดท้ายเเกสรุปว่าวิชาไมโครที่ผมเคยเรียนมาเทียบไม่ได้กะที่เเกสอน ถ้าไม่เคยลงเรียนเเล้วสะเออะจะสอบ ตกอย่างเดียว สรุปไปขอความเห็นเฉยๆกับโดนห่าฝนเป็นชุดใหญ๋

กลับมาก่ายหน้าผากคิดอีกทีเหลือทางเดียวคือสอบเเมคโคร วิชาที่ไม่คอ่ยถูกโฉลก ก็เเจ้นไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาอีกคนว่าจะขอสอบตัวนี้เเทนได้มั๊ย (ภาคที่ผมเรียนให้เลือกสอบตัวใดตัวหนึ่งระหว่างเเมคโครกับไมโคร) ก็บอกอาจารย์ไปด้วยว่าตัวนี้ไม่เคยลงเเต่จะขอสอบได้มั๊ย อาจารย์ที่ปรึกษาเเกก็ซักถามพอเป็นพิธีว่า มีเลคเชอร์มั๊ย มีข้อสอบเก่าทำมั๊ย เเล้วเคยมีเพื่อนที่เรียนตัวนี้ติวหนังสือด้วยรึเปล่า อารมณืว่าอยากสอบตัวนี้ก็เลยตอบครับๆ ไปก่อน สุดท้ายเเกก็อนุญาติให้สอบตัวนี้ เป็นอันได้ลายเซ็นต์เเกมาเอาไปยื่นกะทางเลขาคณะได้ทันเวลา

ก็เลยได้เริ่มๆอ่านตอนเดือนที่สองของปิดภาคเรียนฤดูร้อน เเต่ก็ออกตะเวนเที่ยวกันทุกอาทิตย์ เพื่อนถามก็ตอบยังอยู่บทเเรกอยู่เลย จนมาคิดได้ก็ตอนเดือนหลังๆซึ่งใกล้สอบเข้ามาทุกที ไม่รู้ว่านึสัยอย่างนี้ทำไมถึงได้เเพร่หลายในหมู่นักเรียน นักศึกษาก็ไม่ทราบ ดินพอกหางหมู เเล้วเอาไฟมาลนๆ กลับวิ่งกระฉูด ยังจำได้ว่าวันก่อนสอบยังอ่านไม่จบเลย กะทิ้งบทสุดท้ายเเน่ๆ ไม่อ่านมันเเล้ว เเต่เวลายังเหลือก่อนเก้าโมง เอาเป็นว่าอ่านจนนาทีสุดท้าย ปรากฎพอตอนเข้าห้องสอบ เลขาคณะเดินเเจกคำถาม เฮ้ยทำไมมันไม่มีเค้าโครงข้อสอบเก่าที่จำมาเลยวะ เหลือไปอ่านข้อสุดท้าย ปรากฏว่าไอ้ที่อ่านมาเมื่อเช้า ดันออกวะ ก็ใช้เวลาในชั่วโมงเเรกอ่านโจทย์ที่เราจะเลือกทำ (เค้าให้หนึ่งชั่วโมงในการอ่านโจทย์ สามารถขึดๆเขียนๆบนกระดาษทดที่เค้าเเจกมาให้ได้ เเต่ยังไม่มีการเเจกกระดานคำตอบ) ก็นั่งขีดเส้นกราฟตัดกันไปตัดกันมา ดูย่งเหยิงเป็นที่สุด ก็ใช้เวลากันจนนาทีสุดท้ายในการทำข้อสอบ จากสิบสี่ชีวิตมีผมกะเพื่อนคนจีนออกก่อนเพราะเราสอบกันเเค่ครึ่งเดียวของทั้งหมด เวลาทำข้อสอบเราจึงสั้นกว่าคนอื่น ออกจากห้องมาด้วยความสบายใจว่าอย่างน้อยก็ได้สอบไปเเล้ว ที่เหลือก็นั่งล้นเอา ออกมาเลขาคณะตะโกนมาเเต่ไกลว่าทำได้รึเปล่า ก็ตอบเเบบห้าสิบๆไปก่อน เเต่บอกเต็มปากเต็มคำว่าได้ทำเเน่ๆ เเต่ไม่รู้ผ่านหรือตก

เวลาก็ผ่านไปเกือบเดือนพอดี ขาดตกบกพร่องก็เเค่สองสามวัน วันนั้นทำงานตั้งเเต่เช้าเเปดโมงยันสี่โมง ตอนเช้าห้องคอมตอนบ่ายทำวิจัยกะอาจารย์ที่ รร ข้างๆ ก็เดินลงมาจะไปเรียนอีโคโนต่อ ก็บังเอิญเจอเลขาคณะก็หยุดทักทายกันเล็กน้อย เเล้วก็เดินกลับมหาลัยด้วยกัน ผมก็ชวนคุยไปเรื่อยเเต่ก็ไม่กล้าถามผลสอบมากนัก เพราะช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมโทรไปเช็คบ่อยมากว่ารู้ผลรึยัง จนจะเเยกกันผมเลยโพร่งถามไปเล่นๆว่า รู้ผลรึยังละวันนี้ ปรากฏเเกตอบกลับมาว่ารู้เเล้วเพ่งได้มาเนี่ย ผมก็เอาเเล้วครับ คำถามใส่เป็นชุด เริ่มจากผ่านเยอะมั๊ย ผมผ่านรึเปล่า เลขาก็ทำท่านึกๆก็บอกไม่เห็นชื่อผมในคนสอบตกนะ ผมก็คาดคั้นเเกจนบอกผมเปลี่ยนใจไม่เข้าห้องเรียนเเล้ว ขอเดินไปกะเเกดูผลสอบให้มันเเน่ๆดีกว่า เพราะอารมณ์นั้นไปเรียนก็ไม่รู้เรื่องเเล้ว ก็เดินมาจนถึงห้องทำงานเเก เเกก็เปิดเเฟ้มขยับเเว่น พูดเสียงดังฟังชัดว่าดีใจด้วยนะเธอผ่าน ถึงอารมณ์นี่ผมก็ไม่ได้ดีใจมากนัก เพียงเเต่โล่งใจว่าผ่านวิชานี้ไปได้ก็ดี ไม่ต้องกลับมาอ่านใหม่ จะได้ตั้งหน้าตั้งตาอ่านอีกสองตัวที่เหลือ ซึ่งผมก็ลงชื่อสอบไปเเล้ว ก็ต้องดูเอาละครับว่าที่เหลือจะเป็นไง นั่นก็เป็นที่มาของ 3-1 ไม่ใช่เเต้มต่อของทีมลิเวอร์พูลเเต่อย่างใด

Friday, August 03, 2007

เรื่องของการปิดโรงงานสิ่งทอ

พักหลังๆต้องยอมรับว่าไม่ค่อยตามข่าวเมืองไทยซักเท่าไหร่ เพราะมันเริ่มวนไปวนมาน่าเบื่อเสียเหลือเกิน เปิดหนังสือพิมพ์ออนไลน์ขึ้นมาวันใด มือขวาต้องบังคับไอ้เจ้าหนูอิเล็กโทรนิคลากๆๆๆ ลงมาหาข่าวกีฬาทันใด มันกว่าเยอะกับการไล่ล่าซื้อนักเตะก่อนเปิดฤดูกาลใหม่

เเต่มีข่าวพวกธุรกิจที่ทำให้ผมสนใจได้อยู่ข่าวนึงก็เรื่องการปิดตัวลงของโรงงานสิ่งทอในเมืองไทย ซึ่งเป็นเเหล่งผลิตสินค้ายี่ห้อดังของเยอรมัน ว่าด้วยเจ้าของกล่าวอ้างว่าได้รับภาระของการที่เงินบาทได้เเข็งค่ามานานเเล้ว กอปรกับสถานะการณ์ของค่าเงินบาทที่เเข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทนรับภาระต่อไปไม่ไหว จึงจำต้องปิดตัวลงพร้อมทั้งลอยเเพพนักงานโรงงาน

ถ้ามองอย่างใจเป็นกลางท่ามกลางกระเเสทุนนิยมในยุคโลกาภิวัฒน์ ผมก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากที่การเเข่งขันทางด้านการผลิตสินค้า นายจ้างหรือเจ้าของโรงงานย่อมหาทางทำกำไรให้ได้เป็นกอบเป็นกำเป็นหลักอยู่เเล้ว เมื่อคำนวนต้นทุนการจ้างเเรงงาน อัตราดอกเบี้ยของการลงทุนระหว่างภายในประเทศกับต่างประเทศ การเก็งราคาอัตราเเลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถ้าประเทศใดที่มีต้นทุนต่ำกว่าเเละมีสถานการณ์ทางการเมืองเเละเศรษฐกิจในระดับที่เสถียร ถึงเเม้จะมีความผันผวนบ้าง เเต่ก็อยู่ใสสภาพของการเเกว่งตัวในช่วงเเคบๆ ประเทศนั้นๆ ย่อมมีความได้เปรียบในการตัดสินใจลงทุนของนักธุรกิจ

เรื่องราวถูกทำให้ขยายโดยกลุ่มนักธุรกิจที่มีความกังวลว่า เรื่องราวอาจจะไม่จบลงเเค่โรงงานเเห่งนี้เพียงเเห่งเดียว พร้อมทั้งวอนให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน ซึ่งผมก็พยายามมองด้วยใจเป็นกลางต่อไปว่าการปิดตัวของโรงงานเเห่งนี้นั้นเป็นเครื่องเตือนใจให้กับเราอย่างไรได้บ้าง

หนึ่งก็คือเมืองไทยเรายังเป็นสังคมที่ยังรออัศวินม้าขาวมาช่วยอยู่วันยังค่ำ หาได้มองกลับไปถึงต้นตอของปัญหาอย่างเเท้จริงว่าเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลใด เพราะถึงเเม้ค่าเเรงเราจะถูกจีน อินเดีย บังกลาเทศ เเย่งชิงความได้เปรียบไป เเต่โดยสภาพการของปัจจัยในการผลิดทางด้านอื่นเรายังพอมีความได้เปรียบอยู่ไม่มากก็น้อย เราไม่ได้มีการจัดระบบการศึกษาที่ดีพอให้กับพนักงาน ซึ่งการศึกษาในที่นี้หมายถึงความรู้ความเข้าใจในด้านการผลิต การใช้เครื่องไม้เครื่องมือการผลิตในก่อประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ท่าเกิดอยากจะขยายคำจำกัดความของการศึกษาในเชิงอุดมคติ ผมอยากจะบอกว่าการศึกษาของเราไม่ได้มีประสิทธิภาพในการที่จะตระเตรียมให้เเรงงานพัฒนาความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับตลาดเเรงงานใหม่ๆได้ ดังเช่นที่เราได้เห็นปัญหาเดิมๆที่เมื่อกิจการใดๆปิดลง เรามักจะเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือทางทีวี ว่าเเรงงานเหล่านั้นมักจะไม่รู้อนาคตของตนเองว่าจะไปประกอบอาชีพอะไร เเละอาจจะจบด้วยการกลับบ้านเกิดไปทำไร่ทำนา ซึ่งก็ต้องกลับไปเจอกับสภาพปัญหาของพ่อค้าคนกลาง ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเพราะเน้นการใช้ปุ๋ยเคมี

สองการที่รัฐจะตัดสินใจทำการช่วยเหลือใดๆกับกลุ่มผู้เดือดร้อนนั้น ควรมีเเผนงานวางไว้เป็นระบบ ทั้งเเผนระยะสั้นเเละระยะยาว ในระยะสั้นเผื่อบรรเทาความทุกข์ร้อนอาจจะออกมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้หรืออาจจะให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ (ซึ่งวิธีการนี้ผมเห็นว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ความคิดในการรออัศวินม้าขาวยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป)กับการช่วยเหลือในระยะยาวซึ่งผมได้เกริ่นไปเเล้วในข้อเเรก เราจะทำอย่างไรให้เเรงงานเรามีความรู้ความสามารถในการปรับตัวเเละใช้หาเลี้ยงชีพตัวเอง

สามคนที่เสียผลประโยชน์ในสังคมเราซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมักจะมีปากเสียที่ตะเบงไปถึงภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ โดยหาได้คิดคำนึงถึงคนที่เหลืออยู่ในสังคมเป็นส่วนใหญ่ว่าสังคมโดยรวมจะเสียผลประโยชน์หรือได้ประโยชน์อย่างไรกับการกระทำของกลุ่มตน คนส่วนใหญ่ต้องซื้อสินค้าชนิดเดียวกันที่เเพงขึ้นโดยใช่เหตุ หลายคนอาจจะเคยอ่านบทความเกี่ยวกับกระเทียมจีนหรือผลไม้จีนที่เข้ามาบุกตลาดเมืองไทยเราเเล้วตีตลาดเรากระจุย ท่านเหล่านั้นอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมที่อาจจะยอมปล่อยให้เกษตรกรเหล่านั้นต้องเป็นคนตกงาน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมขอให้กลับไปอ่านความในข้อหนึ่งกับข้อสองอีกครั้ง ปัญหาเกิดจากการที่เราพยายามสร้างความได้เปรียบในการผลิตโดยการที่เราไม่ได้มีความชำนาญในการผลิตสินค้านั้นๆอย่างเเท้จริง อีกทั้งถ้ารัฐหรือเอกชนได้เลือกเดินมาถูกทางเเล้วไซร้เเต่เรายังขาดตกบกพร่องในการพัฒนาเเรงงานในเชิงพลวัตเป็นสำคัญ หากเเต่ยังย่ำลงอยู่กับที่

หากท่านอ่านข้อคิดเห็นของผมเเล้วเห็นว่าช่างเลือดเย็นเหลือเกินกับคนที่ตกทุกข์ได้ยากเหลือคณา โปรดรับรู้ด้วยใจเป็นกลางว่าผมพยายามมองปัญหาที่เกิดซ้ำเเล้วซ้ำเล่าในมุมมองของผมที่ต่างออกไปจากคนอื่นก็เท่านั้นเอง

Wednesday, July 25, 2007

เรื่องราวยุ่งๆ

ไม่ได้คิดว่าจะเขียนอัพเดทด้วยซ้ำเพราะสมองกำลังคิดปั่นเปเปอร์ส่งอาจารย์อยู่ เเต่นั่งไปนานๆดันคิดไม่ออก เลยต้องหาไรทำคั่นเวลาซักหน่อย สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกเหมือนยุ่งๆยังไงไม่รู้ เริ่มจากการเข้าไปนัวเนีย คลุกวงใน กะพวกอาจารย์ที่คณะเรื่องขอทุนการศึกษาภาคเรียนหน้า เนื่องจากำลังทรัพย์ที่มีอยู่เริ่มร่อยหรอไปตามกาลเวลา เหมือนๆกันการ take derivative of personal savings respect to time มีเครื่องหมายสัมประสิทธิ์ติดลบอยู่ข้างหน้า เเถมต้องเริ่มวางเเปลนวิชาเรียนอีกหกตัวที่เหลือ อีกทั้งเรื่องโอนหน่วยกิต จิปาถะกันจริงๆช่วงนี้ อาจารย์ที่ปรึกษาก็อุตส่าห์หาทางออกให้หลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องเรียนก่อนจ่ายที่หลัง มหาลัยอื่นจะมีเเบบนี้มั๊ยวะเนี่ย สุดท้ายฟ้ายังประทานโอกาสให้เรียนต่อ อาจารย์ให้เงินทุนเป็นเปอร์เซนต์ส่วนลดมาหน่อย พ่วงกะได้ตำเเหน่งผู้ช่วยวิจัย เลยรอดตัวไป เรื่องเรียน

ยังไม่พอ มันยังไม่พอ ดันมีเรื่องบ้านมาให้สมองได้ออกกำลังกายซักเล็กน้อย เนื่องด้วยอพาร์ทเมนต์ที่ผมอยู่เนี่ยเป็นหอพักนักศึกษาของ รร สอนทางด้านศาสนา ซึ่งมันก็อยู่ตรงข้ามมหาลัยผมนี่เเหละ ถ้าคุณกำลังจะตั้งคำถามว่าเเล้วหอมหาลัยไม่มีให้อยู่เหรอ ก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกนึงก่อน เเล้วตอบว่ามี เเต่การจะได้ห้องสักห้องนึงมาจากผู้ดูเเลหอนี่ช่างยากเย็นเเสนเข็ญเหลือเกิน เเถมเมื่อเทียบกับค่าเล่าเรียนที่จ่ายไปในราคามหาลัยเอกชน เเต่สิ่งอำนวยความสะดวกช่างต่างกันลิบลับ มหาลัยรัฐส่วนใหญ่ยังดีเสียกว่า เรื่องมันก็มีอยู่ว่าทางเหล่าสมาชิกบ้านผมลองไปคุยกับคนดูเเลหอของ รร ศาสนา ว่าพอมีห้องที่มีสองห้องนอนที่ถูกกว่านี้มั๊ย เพราะรุ่นพี่ผมไปสืบทราบมาว่ามีห้องว่างหนึ่งห้องซึ๋งเป็นห้องนอนเดียวเเต่เค้าตีฝาห้องรับเเขกเป็นสองห้องนอนไว้เเล้ว ซึ่งราคาก็ถูกกว่า สรุปเค้าก็บอกว่าห้องนี้ว่างลงสามารถให้พวกผมเข้าไปจับจองได้ เเต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรไปเล็กน้อย เนื่องด้วยคนดูเเลหอไม่เคยบอกกล่าวหรือให้เซ็นสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะให้เราไปอยู่ อีกทั้งเค้าได้อ้างว่างรูมเมทผมอีกคนได้ไปยืนยันเรียบร้อยเเล้วว่าจะย้ายโดยที่ยังไม่ได้ถามผมเป็นกิจลักษณะ เค้าจึงเอาห้องที่พวกผมหลับนอนอยู่ให้กะเด็ก นศ​ รร ศาสนาไปเรียบร้อยเเล้ว เรื่องมันคงจะง่ายถ้าเราย้ายไปเเค่สองคน เเต่ดันเป็นสามคนนี่ซิ ที่ๆจะย้ายไปก็จะเล็กอย่างถนัดตา เพราะบังเอิญเราได้รูมเมทใหม่มาเทคโอเวอร์ห้องเก่า เเต่ทางหอเกิดไม่พอใจอย่างเเรงที่เราจะบอกว่าไม่ย้าย ตัวหัวหน้าเลยโทรมาด่ารูมเมทอีกคน เเถมขู่เข็ญเชิงขับไล่ว่าไม่ให้อยู่เเล้ว ไม่ว่าห้องเก่าห้องใหม่ เดือดร้อนละซิครับพี่น้อง ผมเลยต้องไปคุยเองในวันรุ่งข้นว่าเรื่องมันไปมายังไง เเล้วสัญญาเช่าเราหมดเเล้วหรืออย่างไรถึงไล่ให้ออกจากหอโดยไม่ต้องเเจ้งล่วงหน้า

ผลปรากฏว่าสัญญาเช่าเราหมดไปเเล้วสองวัน แล้วเค้าก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย อีกทั้งการจะไปบอกยกเลิกว่าจะไม่ให้คนเช่าใหม่เช่าก็ไม่ได้ เพราะเค้าเป็นเด็กของ รร เค้า ไอ้เรามันเเค่เด็ก รร ตรงข้าม ผมก็เลยขอผ่อนผันไปสักสองสามอาทิตย์ก่อน ก็อ้างนู้นอ้างนี่ไปก่อน เค้าก็ค่อนข้างเห็นใจเพราะมันเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด ก็เลยให้อยู่อีกสองอาทิตย์ พวกผมเลยต้องเปิดหาประกาศให้เช่าบ้าน ภายใต้เงื่อนไงที่ต้องใกล้มหาลัยเนื่องจากพี่รมเมทคนนึงไม่มีรถ ก็เลยเริ่มต้นเเก้โจทย์ยากหน่อย เเต่ก็หาได้ไม่นานก็เจออพาร์ทเมนต์ตรงข้ามกับ Harvey Mudd College ซึ่งระยะเดินเท้าผมว่าใกล้กว่าที่เก่าชัวร์ เป็นสามห้องนอนสองห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องกินข้าว เป็นสัดส่วนมาก พื้นที่ใช้สอยถือว่ากว้างขวางมากเมื่อเทียบกับที่อยู่เดิม สุดท้ายเราก็คุยกันจนตกลงว่าจะเอาห้องนี้เเหละ โดยที่ห้องนี้เค้าก็กำลังซ่อมเเซม ทาสี เปลี่ยนพรม ให้อยู่ เราก็พยายามขอร้องว่าขอย้ายเข้าเร็วหน่อย เพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงเส้นตายย้ายออกเเล้ว สรุปเเล้วเราก็ได้กุญเเจห้องมาก่อนประมาณหนึ่งวันก่อนถึงเส้นตาย คราวนี้ก็ย้ายข้าวของกันกระหน่ำละ่ครับพี่น้อง วันเสาร์เย็นผมก็เริ่มขนพวกเสือ้ผ้า พวกเครื่องอาหารเเห้ง หนังสือเรียนไปบ้านใหม่ก่อน เพราะมันหยุมหยิมมาก ก็เริ่มขนเริ่มจัดเริ่มทำความสะอาดบ้านใหม่ตั้งเเต่หกโมงครึ่งยันเที่ยงคืน ก็เสร็จไปเยอะพอควร พอรุ่งเช้าวันอาทิตย์ก็เริ่มโซโลกันตั้งเเต่เจ็ดโมงเช้าเลย เอาเสือ้ผ้าไปซัก ขนของที่พอขนได้ก่อน รอขนของใหญ่ๆ พวกเตียง ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ตอนบ่ายๆ ก็ขนกันทั้งวันละครับ ตอนบ่ายๆก็มีเพื่อนฝูงมาช่วยคนละนิดละน้อย จริงๆช่วยเยอะนะครับ ก็ย้ายของออกหมดประมาณหกโมงเย็น คราวนี้ก็เริ่มหิวซิครับก็ไปนั่งพักหาไรกินกันก่อน เพราะต้องกลับมาทำความสะอาดบ้านเก่าอีก สรุปกว่าจะเลิกทำเลิกจัดก็ปาเข้าไปตีสองอีกวัน เเล้วดันต้องไปทำงานตอนเช้าด้วย ถึอได้ว่าตัวเองเป็นคนชั้นกรรมาชีพจริงๆ เพื่อนยังบอกว่ามึงเป็นเเรงงานประเภท labor intensive จริงๆ

ยังไม่หมดครับท่านไอ้เครื่องเเมค ibook ผมดันเกิดอาการงอเเงมาให้เห็น อยู่ดีๆดันบู๊ทเครื่องไม่ติด จะติดบ้างก็น้อยครั้งตอนเเรกยังนึกว่าอาจจะมีปัญหากับทางโอเอส เเต่หลังๆคิดว่าน่าจะมีปัญหาทางด้านหน่วยความจำหรือไม่ก็ตัวฮาร์ทดิสมากกว่า ก็ลองคำนวนค่าซ่อม ค่าอุปกรณ์ เบ็ดเสร็จ ได้ความว่าซื้อเครื่องใหม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ก็เลยตัดใจเอาเงินที่ตั้งใจจะประมูลกีตาร์บนอีเบย์มาซื้อเเล๊ปท๊อป ก็ตกลงซื้อ macbook กับ ipod video นี่เเหละท่าจะคุ้มสุดเพราะได้ลดประมาณร้อยเหรียญจากโครงการส่วนลดคอมนักศึกษา ได้รีเบทสองร้อยเพราะซ์้อควบกับ ipod แล้วผมก็ขายไอ้ตัว ipod ให้กะรูมเมทในราคาตัดสุดๆ สองร้อยบวกค่าภาษี ก็สรุปได้ส่วนลดไปพอควร เเต่ไอ้ที่เจ็บใจก็เพลงเกือบสามพัน โน๊ตเพลงกีตาร์ที่สะสมเป็นร้อยๆ เอกสารอิเล็กโทรนิกส์ เปเปอร์ที่ทำมา เเม่งหายหมด โคตรเสียเวลาเลยในการที่จะดาวน์โหลดมาใหม่ ไม่โดนกับตัวคงไม่ทราบครับว่าความเจ็บใจมีจริง เเล้วก็เสียเวลาอีกด้วย

สรุปเรื่องวุ่นก็ยังเล่าไม่จบเเต่ก็เป็นเเค่เรื่องเล็กๆน้อยที่เข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้นเอง