ชีวิตนักเรียน
อาๆๆ เห็นผมตั้งหัวข้อขึ้นมานี่คงจะสงสัยกันเล็กน้อย นี่มันจะคุยเรื่องเครียดๆ อีกแล้วเหรอเนี่ย ตั้งเเต่มาอยู่อเมริกานี่เพื่อนๆกะคนรอบๆข้างนี่จะมองผมด้วยสายตาเเบบประมาณว่า โอโหหนอนหนังสือมาอีกแล้ว พูดจาเป็นหลักเป็นการ เด็กเรียนและอะไรอื่นๆอีกประมาณเนี่ยะ ซึ่งจริงๆแล้วตอนผมอยู่เมืองไทยนี่ก็ไม่ได้เป็นเเบบนี้นะครับ ออกจะไปเป็นเเนวเด็กเที่ยว เด็กฮา เด็กบรรเทิงเริงรมณ์ซะส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตในห้องเรียนนี่น้อยกว่านั่งที่โต๊ะกลุ่มในคณะเป็นไหนๆ อยู่ในห้องนี่ถ้าไม่หลับก็นั่งคุยเเข่งกะเพื่อนเเข่งกะอาจารย์ที่สอนเป็นประจำ เล่าเกริ่นๆมาคงจะพอเดาได้นะครับว่าเกรดตอนจบผมนี่จะเป็นอย่างไร
กลับเข้ามาคุยกันเรื่องเรียนดีกว่า ว่ากันว่าไอ้ตอนเด็กๆนี่ผมคงเฝ้าฝันไปเรื่อยละครับ เด็กๆหน่อยก็อยากเป็นตำรวจ หรือไม่ก็ทหาร เหตุผลหรือครับ เท่ห์ดีฮะ ถืออาวุธไปเฝ้าปราบพวกผู้ร้ายเหมือนหนังยอดมนุษย์เเปลงร่างในการ์ตูนญี่ปุ่น แต่เเม่บอกว่าเห็นเลือดนี่ยังไม่กล้ามองเลย
พอโตขึ้นมาอีกนิดพ่อเเม่ก็สั่งสอนเหมือนพ่อเเม่คนอื่นๆทั่วๆไปอะนะ บอกให้เรียนหนังสือ สอบได้เกรดดีๆ จะได้สอบเข้ามหาลัยดีๆ จะได้การันตีว่าจบมาแล้วมีงานทำ เอาละซิครับ ผมก็เรียนบ้างไม่เรียนบ้างเเต่เกรดก็ยังอยู่ในช่วงสามจุดต้นๆ ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นัก ช่วงความคิดตอนนี้เนี่ยะถ้ามีใครถามว่าอยากจะทำงานอะไรหลังเรียนจบ ผมคงตอบได้ทันทีว่าอยากเป็นวิศวกรครับ อีกเช่นเคยไม่ต้องสงสัยคณะเอ็นทรานซ์ที่ผมจะเลือกนี่ก็คงไม่พ้นวิศวะจุฬา รองลงมาก็ยังเป็นวิศวะเกษตร อันดับสามกะสี่ นี่เป็นเศรษฐศาสตร์ กะ สัตวเเพทย์ตามลำดับ อา....
อ่านถึงตรงสัตวเเพทย์นี่คงงงละซิว่ามันมีอยู่ได้ไง สำหรับคนที่ไม่รู้จักผมเป็นการส่วนตัวนะครับ ขอบอกผมเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนชีววิทยาอย่างเเรงตอนอยู่ม.ปลายนี่พยายามล็อบบี้อาจารย์ให้ถอดวิชาชีวะ ออกจากหลักสูตรห้องผม เพราะมีอยู่ประมาณ 7-8 คนเองละมั๊งที่ต้องการเป็นหมอ เภสัช หมอฟัน ส่วนอีก 70 ชีวิตนี่ไม่ได้อยากเป็นหมอเลย ตอนนี้ก็คงสงสัยอ้าวมันเกลียดชีวะเเล้วเสือกเลือกสัตวเเพทย์ทำด๋อยไรวะ อันนี้เลือกกันเหนียวนะครับคะเเนนมันต่ำเลือกไปยังไงคงไม่พลาด อีกอย่างผมชอบหมาเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าหลุดสามอันดับเเรกไปก็ยังมีที่เรียนวะ ตอนสอบเอ็นนี่ผมออกจากห้องน่าจะเป็นคนเเรกเลยนะครับ จำไม่ได้ว่ามั่วข้อไหนไปแต่เท่าที่จำได้กากบาทมั่วครับ
ตอนประกาศผลเอ็นนี่น่าจะเป็นอะไรที่เครียดนะครับในชีวิตของเด็กนักเรียนม.ปลาย โดยเฉพาะห้องผมที่ทุกคนคาดหวังว่าคงเอ็นติดกันยกห้องเหมือนกะรุ่นพี่สองรุ่นเเรก คราวนี่เครียดละซิครับ เพื่อนเเม่งโทรมาบอกว่าคนนู้นคนนี้ติดอะไร จำคร่าวๆน่าจะเป็นวันที่ 6-7 พฤษภานะ เเรกๆนี่ดีใจกะเพื่อนนะครับเเต่ตอนบ่ายๆนี่เครียดแล้วเฮ้ยเเม่งเพื่อนรู้กันเกือบหมดเหลือเเต่เราทำไมยังไม่รู้ เย็นๆนี่เดือดร้อนพ่อกะพี่สาวเลย ต้องลงทุนขับรถไปสำนักพิมพ์วัฎจักรซึ่งก็ไม่ใกล้ไม่ไกล สักพักพี่สาวก็กลับมาทำหน้าเฉยมากถึงกวนอวัยวะส่วนล่าง ทำหน้าเหมือนกับให้ไปหาที่สมัครเรียนด่วน พอเเกล้งผมได้ซักพักเเกก็บอกว่าเอ็นติดคณะเศรษฐศาสตร์ ตอนนั้นนี่ความรู้สึกเเรกคือโล่งอกนะครับว่าเอ็นติดแล้ว ไม่ต้องกลับไปเรียน ม. 6 คละเคล้ากะความผิดหวังที่ไม่ได้เรียนคณะวิศวะ เเม่ก็ปลอบนะครับเรียนๆไปเหอะ คณะนี้ก็ดีเรียนเเล้วจะได้เป็นผู้บริหาร ไอ้ผมนะครับยังไม่รู้เลยว่าไอ้เศรษฐศาสตร์นี่มันเรียนเกี่ยวกะไรวะ รู้เเต่ว่าเรียนเกี่ยวกะเศรษฐกิจแล้วมันเป็นอันเดียวกะคณะบริหารหรือเปล่าวะ จำได้ว่าปีเเรกนี่เเทบไม่ได้ไปเรียนเลยครับ อยากเข้าวิศวะจุฬาอย่างเเรง เพื่อนก็อยู่มหาลัยรั้วจามจุรีซะเยอะ ได้เรื่องครับเกือบทั้งปีนี่เเทนที่จะอยู่มหาลัยตัวเอง นั่นครับอยู่จุฬาซะเป็นส่วนใหญ่ โดดเรียนกระหน่ำ พ่อเเม่นี่คงเซ็งนะ เเต่ก็ไม่ได้พูดไรมาก บังเอิญช่วงเทอมสองมั๊งครับเจอรุ่นพี่โรงเรียนเก่าซึ่งได้เรานี่ก็นิยมชมชอบอยู่สองคนนะครับ คนหนึ่งนี่ตอนนี้เรียนอยู่เมกาครับ เศรษฐศาสตร์นอกกระเเส อยู่ฝั่งนิวอิงเเลนด์ กะอีกคนนี่เป็นรุ่นพี่อยู่นิติ สองคนนี้เหมือนคนที่เเนะนำสิ่งใหม่ๆให้กะผมนะครับ (อันนี้ผมว่าเจ้าตัวยังไม่เคยรู้มาก่อนเเน่ๆ ท่าอ่านอยู่ก็รู้ไว้นะครับว่าผมขอบคุณมาก) ผมก็เอาวะกัดฟันเรียนคณะนี้ให้มันจบๆละกันวะ เรียนอยู่สามปีครึ่งนี่ไม่ได้เรียนเเบบมีความสุขมากเท่าไหร่นะครับ กับต่อต้านกับตัววิชาพอควรว่าสมมติอะไรกันเยอะเเยะ แต่สุดท้ายก็จบมาเอาตัวรอดได้เเบบไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
เอาละซิฮะพอจบแล้วทำไรดีเนี่ยะ ไม่เคยคิดมาก่อนจะเรียนต่อหรือจะทำงานก่อน เเบบว่ากูกะขอเรียนจบเร็วก่อน ยังไม่รู้ตัวเองอีกเช่นเคยว่าอยากเรียนไรกันเเน่ แต่ตอนนั้นกระเเสเอ็มบีเอนี่มันดังนะครับ ใครจบตรีมานี่ไม่ต่อเอ็มบีเอนี่ไม่เทห์ อยากมาเรียนต่อเมืองนอกครับ อยากมาโคตรๆ ก็มามันก่อนครับเรื่องเลือกคณะนี่ไว้ค่อยเอามาตายเอาดาบหน้า หกเดือนเเรกนี่ก็ยังปักใจกะเอ็มบีเอนะครับจนดูๆคณะไปเรื่อยๆ มาเตะตาก็ไอ้คณะ Public Administration นี่เเหละครับชอบครับ เรียนกึ่งๆ บริหารกะเศรษฐศาสตร์ดี แล้วเริ่มรู้แล้วละครับว่าอยากเรียนอยากทำงานอะไรในอนาคต พอเรียนจบก็พยายามหาที่เรียนเอกครับ ก่อนจบนี่สมัครไปที่เดียวครับ Carleton University ในอ๊อตตาว่า เมืองหลวงของเเคนาดา ชอบครับบ้านเมืองสวยดี คนก็น่ารัก มหาลัยหลักสูตรนี่ตรงใจคับ มั่นมากว่าน่าจะติดเเน่ๆ สรุปติดครับเเต่ติดสำรอง เอาละสิวะเริ่มคิดท่าไม่ได้นี่เคว้งอยู่เหมือนกันนะครับ แล้วก็เป็นดังคาดไม่ได้ครับ เอาเป็นว่าปีหน้าต้องลองกันใหม่ครับ
ผมก็เริ่มเตรียมตัวใหม่ซิครับตั้งหน้าตั้งตาท่องศัพท์จีอาอีเป็นล่ำเป็นสัน ปีนี้ก็สมัครไปสามมหาลัยครับ Claremont Gradaute University, Georgia State University, and University of Maryland at Baltimore County ที่เเรกนี่อยากเข้าครับแล้วก็ได้จดหมายตอบรับเข้าเรียน รู้สึกดีครับเหมือนกับไปลุ้นสอบเอ็นทรานซ์เลยครับตอนโทรไปถามพนักงานเเอ๊ดมิสชั่น นึกว่าคงจะได้ทุนติดไม้ติดมือมาบ้าง เปล่าครับไม่ได้สักบาท คราวนี้เครียดซิครับ มหาลัยเอกชนนะครับเเพงโคตรๆ ค่าเล่าเรียนนี่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ยังมีเงินเหลือเเต่งงานเลยครับ คราวนี้ก็เหลือลุ้นอีกเเค่สองที่ครับ GSU นี่เป็นที่ๆสองที่ส่งจดหมายมา เร็วมากครับไม่ถึงเดือนได้จดหมายจากโรงเรียน ได้เร็วอย่างนี้เนี่ยะสัญญาณไม่ดีนะครับ ยิ่งเป็นซองบางๆด้วย เป็นอันรู้กัน ว่าเเห้วไป ตอนนี้คงเหลือที่สุดท้ายเเล้วละครับว่าจะออกหัวออกก้อย ก็ต้องกัดฟันรอกันต่อไป ผมก็คงได้เเต่หวังนะครับว่าคงได้ทุนซักที่ ได้ partial นี่ก็ยังดีนะครับ ไม่อย่างนั้นนี่ใช้ทุนส่วนตัวนี่ก็คงมีไม่ถึงขนาดนั้น
ชีวิตในการเรียนของผมครั้งนี้คงเป็นครั้งเเรกของผมนะครับที่ผมรู้ว่าผมจะเรียนไปเพื่ออะไร เรียนไปทำไม แล้วผมจะได้อะไรจากการเรียน คงต้องขอขอบคุณรุ่นพี่สองคนที่ผมกล่าวถึงในตอนต้นนะครับที่เเนะนำอาจารย์ปรีดีและอาจารย์ป๋วยให้ผมรู้จักว่าคนเราสามารถมีชีวิตอย่างคนสามัญธรรมดาๆ เเต่ก็ดูยิ่งใหญ่ได้ ท่านทั้งสองทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมากทั้งทางด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง แล้วซักวันผมคงได้เอาความรุ้ที่เรียนกับไปทำประโยชน์ให้กะบ้านเกิดผมเหมือนที่ท่านทั้งสองได้เป็นเเบบอย่าง ผมว่าชีวิตผมคงมีความสุขมากถ้าผมได้ทำอย่างที่ผมได้หวังไว้ก็คราวนี้....