Wednesday, January 04, 2006

คนล่าฝัน


คุณยังเป็นคนหนึ่งที่ยังมีความฝันกันรึเปล่า ไม่ว่าจะฝันกลางวัน ฝันลมๆเเล้งๆ ฝันเฟื่อง ฝันที่เป็นจริงเเละไม่เป็นจริง ฝันของผมนี่กวาดเรียบมาหมด นี่ยังไม่นับฝันเเบบอื่นๆอีกนะเนี่ย (XXX) เอาเป็นว่าวันนี้เอาฝันลมๆเเล้งๆมาเล่าให้ฟังกันดีกว่า

เอาเป็นว่าเริ่มจากเด็กๆกันก่อนเลยดีกว่า มันก็คงไม่ต่างจากเด็กผู้ชายทั่วๆไปนัก ที่ติดการ์ตูนญี่ปุ่น ประมาณพวกตำรวจอวกาศ จีบัน เกียร์บัน เหล่ามนุษย์ไฟฟ้าพิทักษ์คุณธรรม ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นพาวเวอร์เรนจ์เจอร์ (อันนี้ต้องให้เครดิตทางช่องเก้า อสมท ไปเต็มๆ) เห็นเเล้วมันเท่ห์เหลือเกินภายในยี่สิบนาทีที่นังเสพย์การ์ตูนนี่ ตัวพระเอกนี่เครื่องเเต่งกายมันช่างเยี่ยมยอดจริงๆ ถึงเเม้ว่ามันจะมีลูกเล่นท่าไม้ตายเเค่ท่าเดียว มันก็ใช้ปราบเหล่าร้ายได้ทุกที ไอ้ตอนเด็กๆก็ไม่ได้คิดหรอกทำไมมันมีเเค่ท่าเดียว คิดอย่างเดียวเเม่งเท่ห์วะ ดังนั้นจึงไม่เเปลกที่จะคิดฝันอยากเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหาร ที่คอยไปปรามปรามเหล่าร้าย เเต่เป็นโชคดีที่ได้พบกับสัจจธรรมว่าตอนเด็กๆดันกลัวเลือดอย่างเเรง เลยเป็นโชคดีไปที่ไม่ต้องไปถือปืนไล่ยิงใคร (ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์อาจจะตาลปัตรกลายเป็นผู้ร้ายบนข่าวหน้าหนึ่งก็เป็นได้)

พอโตขึ้นมาหน่อยคราวนี้ก็เริ่มอยากรวยขึ้นมาละ มันก็ต้องเป็นนักธุรกิจซิครับเเต่งตัวก็หรูใส่สูทผูกไทด์ ควงสาวๆไปงานเปิดตัวนู้นเปิดตัวนี่ คิดเเล้วเเม่งเจ๋งวะ มีเงินเยอะคงสนุกไม่น้อย ไล่ซื้อของที่อยากได้มาให้หมด เเต่ก็เริ่มคิดได้ในเวลาต่อมาว่าเงินไม่ใช่ปัจจัยเเรกที่คนจะนำมาใช้ในการวัดความสุข ถึงเเม้เงินจะมีความสำคัญต่อการดำรงชีพอยู่ในสังคมทุนนิยมก็ตาม

ยังมีอีกหลายฝันที่ผุดๆโผล่มาเรื่อยๆ คิดจริงจังมัีง เล่นๆมั่ง มันก็ปรับเปลี่ยนไปตามเวลา แต่มีฝันอยู่อันนึงที่ผมอุตส่าห์นั่งเเคะนั่งเเงะออกมาจากสมองส่วนในสุด (เเอบมันไวลึกมาก) ผมฝันอยากที่จะให้เมืองไทยมีสถาบันวิจัยทางด้านสายสังคมศาสตร์ที่ดี ที่สามารถผลิตงานคุณภาพ และยังเป็นสถาบันที่ปลอดจากการเเทรกเเซงทางการเมือง และยังฝันต่อให้เป็นเเหล่งผลิตบัณฑิตทางด้านการกำหนดนโยบาย (Public Policy)

เเน่นอนครับมันอาจจะกลายเป็นฝันเฝื่องของใครบางคน เเต่สำหรับผมมันยังคงเป็นฝันที่หอมหวาน บางครั้งมันก็เป็นฝันหวานๆเเบบหวานอมขมกลืนอยู่เหมือนกัน ไหนจะเรื่องเรียนรู้พัฒนาตนเองให้สามารถผลิตงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน ไหนเรื่องหาเเฟน (อันนี้ไม่เกี่ยวกันเเต่มันเป็นปัจจัยที่ทำให้ระหว่างที่ผมรอฝันอันนี้อยู่จะได้ไม่เป็นฝันค้าง) ไหนจะเรื่องระบบข้าราชการไทยที่มีเเต่ red tape โครงการผมอาจจะไปอยู่ในขวดโหลดองเหล้ายาจีนของในมือไดโนเสาร์บางตนก็ได้ หรือถ้าจะตั้งเป็น private organization กูจะไปเอาเงินมาจากไหนวะเนี่ย สุดท้ายมันจะมีจุดที่เส้นอุปสงค์กับอุปทานมาตัดกันเป็นจุดดุลยภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้ ซึ่งปัจจัยอันหลังนี้ผมให้นำ้หนักกับมันมากหน่อย จะมีคนคิดเเบบเดียวเเล้วอยากทำกับเรารึเปล่าวะ แล้วเด็กนักเรียนวัย freshy นี่จะมีใครสนใจกันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ เเต่ผมก็คติความเชื่อของนักเศรษฐศาสตร์รุ่นเก่าขลัง ที่เชื่อกันว่าอุปทานจะกำหนดอุปสงค์เอง (ถึงเเม้ผมจะไม่ได้เชื่อถึือยึดติดกับเเเนวคิดนี้มาเเต่เยาว์จวบจนบัดนี้ก็ตาม)

สถาบันที่ผมจัดให้เป็นเเม่เเบบ (Role Model) คงต้องยกให้กับ Rand Corporation (อธิการบดีคนปัจจุบันของ Claremont Graduate University, Robert Klitgaard ก็เคยทำงานอยู่ที่นี่) ชึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองที่ผมอยู่ซักเท่าไหร่ ขับไปซักสี่สิบห้านาทีเองในเมือง Santa Monica เมืองเเห่งชายหาด สาวสวย เเหล่งช็อบของวัยรุ่น (ไม่น่าเป็น good combination ได้เลยนะเนี่ย) กับอีกเเห่งอยู่ในดินเเดนทิวลิป เมืองดอกไม้งาม เบียร์อร่อย กัญชาถูกกฎหมาย ครับผมกล่าวถึงประเทศเนเธอร์เเลนด์ส (ผมว่ามันควรจะสะดกเเบบนี้เนอะ เพราะชื่ออังกฤษเค้าเป็น The Netherlands) สถาบันเเห่งนี้ชื่อ Institute of Social Studies ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ทั้งสองสถาบันนี้เป็นเเหล่งผลิตงานวิจัยทางด้านสังคมสาตร์และยังเป็นเเหล่งผลิตนักศึีกษาปริญญาโทเเละเอก ใครสนใจอยากรู้ก็ลองคลิ๊กเข้าไปดูกันได้นะครับ ผมว่าน่าสนใจดี

ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่เมืองไทยเราจะมีสถาบันวิจัยดีๆอย่างนี้เกิดขีึ้น ที่มีอยู่ในเมืองไทยอย่าง Thailand Development Research Institute (TDRI) ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ เเต่อยากให้เปิดสอนเป็นเเหล่งผลิตนักวิจัยดีๆอีกเยอะ เพราะผมว่ามันน่าจะก่อประโยขน์ได้มากกว่าที่จะเป็นได้เเค่ Think Tank เอาเป็นว่าผมขอกลับไปล่าฝันของผมต่อละกันครับ

3 Comments:

At 12:06 PM, Anonymous Anonymous said...

I totally agree. TDRI should reach out their arms, and perhaps start out some training courses, to begin with. I guess that they might have had this in mind, but are pulled back by some sort of constrants.

 
At 12:14 PM, Blogger Gelgloog said...

ความฝันเป็นอะไรที่งดงามนะครับ

ฝันไปเถิดพี่ เอาเลย

ผมเองก็มีความฝันเหมือนกัน

ฝันว่าอยากจะเสพการ์ตูนทุกวันโดยนอนอยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องกระดิกกระเดี้ยไปไหน ไม่ต้องทำมาหารับแด๊กก็มีกินมีใช้ มีการ์ตูนใหม่ดีๆสนุกสนานเบิกบานฤทัยสลับเปลี่ยนหมุนเวียนให้อ่านทุกวัน......

ฝันโคตรเลอะเทอะ 5555

แม้มันจะเป็นจริงไม่ได้ แต่ก็อยากฝันอ่านะทำไงได้

แต่สำหรับฝันของพี่มันช่างน่าขลังเหลือเกิน แต่เห็นด้วยในประเด็นที่ว่าเมืองไทยการเคลื่อนไหวในด้านนี้ยังน้อยอยู่มาก แม้กระทั่งตัวอาจารย์เองในหลายๆสถาบันก็ยังเฉื่อยอยู่นัก

อย่างไรก็ตามที การคาดหวังไว้กับคนอื่นคงทำได้ยากครับ เรา เค้า ต่างคน ต่าง เป้าต่างฝัน ไอ้ที่เราฝันถึงเค้าอาจจะไม่เคยนึกถึงแม้แต่เศษเสี้ยวก็ได้

เอาเป็นว่า ผมอีกคนล่ะที่จะคอยเอาใจช่วยให้พี่ล่าฝันสำเร็จละกันนะ

 
At 2:42 PM, Blogger bact' said...

ok, i will do Institute for Social Informatics :P

 

Post a Comment

<< Home