Sunday, August 28, 2005

Transcript of Commencement Speech at Stanford given by Steve Jobs


คงจะเดากันได้ว่าผมเป็นเเฟนของเเมคแล้วนี่ก็เป็น commencement speech ที่ผมชอบมา เลยอยากให้ทุกคนได้อ่านด้วย ลองเข้าไปอ่านดูกันนะครับ ลองคลิ๊กที่หัวข้อเรื่องดูผมได้ทำลิงค์เอาไว้ หรือไม่ก็ก๊อปปี้เว็บข้างล่างเเล้วเอาไปเปิดดูเองนะครับ
http://www.freerepublic.com/focus/f-chat/1422863/posts

อีกแล้วครับ


อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ผมว่าชีวิตผมนี่มีเรื่องต่างๆผ่านเข้ามาเยอะพอสมควร ถ้าย้อนเวลากลับไปสักช่วงผมอายุสักยี่สิบต้นๆนี่ผมคงได้เเต่เกรี้ยวกราด กินเหล้า ทำตัวเเย่ๆ เรื่องบางเรื่องนี่ผมคงไม่สามารถเขียนบนบล็อคนี้ได้เพราะบางทีพ่อเเม่ผมคงมีโอกาสเเวะเวียนมาอ่านบ้าง เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เค้าไม่สบายใจ แต่บางเรื่องนี่ผมก็ไม่รู้จะหันไปคุยกะใครเหมือนกัน ผมอยู่อเมริกามานานจนเพื่อนผมกลับกันไปหมดแล้ว จะคุยจะปรึกษาใครก็ไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผ่านตัวหนังสือบนโลกไซเบอร์บล็อกนี่เเหละครับ ที่ผมถือว่าเป็นอาณาเขตที่ผมสามารถระบายความคิดของผมผ่านเเป้นพิมพ์ไอบุ๊คของผม โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะฟังหรือไม่ฟัง ชอบหรือไม่ชอบ ผมไม่ได้บังคับให้ใครอ่านจริงไหมครับ

ก็อย่างที่หัวข้อบล็อกละครับ "อีกแล้วครับ" แต่คราวนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักของผมซึ่งนานๆมันจะผ่านมาสักทีนึง ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าผมก็เป็นคนนึงที่ต้องการความรักกะเค้าอยู่เหมือนกัน ผมก็เเค่คนธรรมดาๆคนนึง ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่อเมริกานี่เรื่องสาวๆนี่ก็มีบ้างนะครับ แต่ไม่ถึงกะขัั้นผูกผันเป็นเเฟนกัน ก็มีผ่านมาพอทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยได้พักนึง แล้วผมก็ค้นพบว่าเค้าไม่ใช่ ก็ผ่านกันไป

จนไม่กี่เดือนมานี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ผมกะเค้าคนนั้นมาพบกันอีกที ผมยอมรับว่าเริ่มเเรกผมก็ไม่มีอะไรทำเบื่อมากเจอคนรู้จักกัน ก็ชวนไปเที่ยวไปดูหนังไม่ได้คิดอะไรนอกจากคำว่าเพื่อน แต่เวลามักจะเล่นตลกกับคนที่ไม่มีโชคทางด้านความรักเสมอ ยิ่งเวลาผ่านไปผมเริ่มที่จะอยากเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกะตัวเค้ามากขึ้น จนบางครั้งผมว่ามันพัฒนาจากความสนิทสนมไปเป็นความชอบ ความคิดถึง และความห่วงใยในที่สุด ผมคงไม่กล้าเรียกมันว่าความรักได้เต็มปากเต็มคำ เพราะผมก็ไม่เเน่ใจตัวเองเหมือนกัน แต่ละวันที่ผมได้คุยกับเค้าคนนั้นเค้าอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าผมเเอบชอบอยู่ เริ่มสะดุดกับกับดักทัศนคติของเค้าคนนั้น มารู้สึกตัวอีกทผมก็ปีนขึ้นมาจากหลุมนั้นลำบากแล้วละครับ

ผมก็ไม่ได้คิดไว้หรอกครับว่าจะบอกให้เค้ารู้ เพราะผมก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าคำบางคำที่พูดไป มันอาจทำให้สถานะภาพและความรู้สึกที่ดีๆเปลี่ยนไป ใครจะด่าว่าปอดเเหกผมก็ยอมรับละครับไม่มีข้อโต้เเย้งใดๆจากคนที่ได้ชื่อว่ามักมีเหตุผลของตัวเองมาเเย้งกับชาวบ้านตลอด จนเมื่อพฤหัสที่แล้วผมก็ได้พูดคุยกับเค้าคนนั้นในเรื่องที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้คุย มันก็ทำให้ระบบความคิดที่มันจะใช้ Cost and Benefit Analysis ทำงานหนักมากขึ้น คิดทั้งด้าน positve และ negative sides แต่สุดท้ายระหว่างทางที่ผมขับรถมาส่งเค้าที่บ้านผมตัดสินใจทีีจะใช้หัวใจคิดมากกว่าที่จะใช้เหตุผลคิด

แล้วผมก็ตัดสินใจบอกชอบเค้าคนนั้นไป เพราะอย่างน้อยผมก็อยากให้เค้ารู้ว่าผมรู้สึกยังไง ณ ตอนนั้นเนี่ยผมก็ไม่ค่อยเเน่ใจหรอกนะว่าคำตอบจะเป็นยังไง แต่ก็เตรียมใจไว้แล้ว และคำตอบที่ผมได้มามันก็คงเป็นเหมือนกับคำพูดที่คนที่มีความเป็นเพื่อนที่ดีตอบเพื่อถนอมสายสัมพันธุ์อันดีกระทำกัน เค้าให้ผมกลับไปคิดใหม่ ผมก็พอจะตีความหมายได้อย่างไม่ยากเย็นว่า ความรู้สึกของผมครั้งนี้คงพัฒนาไปไม่ได้ไกลไปกว่าคำว่าเพื่อ่น แล้วคื่นนั้นก็มีเรื่องไม่ค่อยจะดีเกิดกับผมอีกครั้ง ซึ่งผมคงบอกไม่ได้ว่ามันคื่อเรื่องอะไร

แล้วสองวันต่อมาผมก็อยากฟังคำตอบที่ผมไม่ต้องมานั่งคาดเดากันอีก ซึ่งมันทำให้ผมเคลียร์กับความสงสัยของผม ว่าเราควรที่จะคบกันต่อไปเเเบบเดิม ไม่ต้องบอกนะครับว่าความรู้สึกช่วงนั้นเนี่ยเคว้งๆชอบกลนัก น้ำตาซึมๆได้เล็กน้อย แต่ก็ตามคนมีฟอร์มละครับคุยตลกกลบเกลื่่อน แล้วผมก็กลับมาสู่ silent mode สมองไม่สั่งการชั่วขณะ กลับมาบ้านก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยไม่ทำอะไรซักอย่าง จนถึงตอนนี้ผมก็ยังอารมณ์ค้างอยู่นิดนึง แล้วเรื่องอีกเรื่องของ The Iconoclast's Journey ก็จบกันไปเเบบไม่เเฮปปี้เอนดิ้งเหมือนหนังรักทั่วๆไป แล้ว toll board ของผมก็ได้ขีดอีกเส้นในช่องของเพื่อนที่ดีมาอีกเส้นนึง

Friday, August 19, 2005

Good Old Days

What's up dude! I have used this webblog for a while but I have not had any chance to post in english (not even one). So sorry guys, I don't mean to be mean to u though but I'm such a procastinated person. Moreover, it's time consuming to update my blog in english. Don't yell at me now dude! Finally, I did it. I do miss our old days... Luis, Alexandra, Min Joo, Michelle, Shiori, Tomoko and other drunkers. F--king miss u so much! I know that I can put any word and update on my webblog. At least, I intend to use this blog as a mean to update and express some of my thoughts toward routine life, social science, MAC computer and other stuffs that i'm interested in. Hope u guys come and visit more often. As some of u might know that I have been accepted in Ph.D Interfield Politics and Economics at Claremont Graduate University, Claremont, California. I will start pretty soon in January and I have to work it out at least 4 more years. If you want to come back to the states and visit me. You are very welcome to do so since it's such a boring life without you guys. And especially you Alexandra, you already said that you will visit me in December around Chrismas time. Whatever your request i can make it so just come and let's rock and roll. For Dr. Luis I hope u will come back to the states soon when you pass your medical exam eventhough u might stay in Florida not in California but at least I do have more chance to get you drunk again.... For my long long time Japanese friends Shiori and Tomoko, who should I start first???... Probably my pet, Fruit, I know u r such a low tech girl who seldom uses computer but i may force you to visit my blog since you might feel very lonely in Australia now and I would love to see you again. Next, Tomato, you are always nice to me. I do appreciate for your souvenirs and chocolate from Hokkaido (it was delicious). When will you come back???? Let me know... I'm sorry guys if i have miss some of you in this post but I do remember you all.

Saturday, August 13, 2005

Music


ผมมาอยู่เมกาปีนี้ก็เริ่มเข้าปีที่ห้าเข้าไปแล้ว เริ่มเบื่อเเล้วละครับ กินเหล้า ดูหนังฟังเพลง จีบหญิง ปาร์ตี้ เเม่งทำเเก้เหงามาหมดแล้ว ปีที่ห้าเเม่งเหมือนเข้าทางตันยังไงก็ไม่รู้ ขนาดว่าต้องทำงานแล้วก็เตรียมอ่านหนังสือของปอ เอก ไปด้วย แล้วผมย้งมีเวลามานั่งเบื่ออีกเเหนะ ผมว่าคนไม่ได้มาอยู่นานๆโดยยังไม่ได้กลับบ้านตั้งเเต่มาคงเข้าใจความรู้สึกยากสักหน่อยนะครับ กิจกรรมยามว่างของผมที่สมองจะหยุดคิด หยุดฟังเรื่องต่างๆ ก็คงเป็นเวลาเล่นเน็ต ฟังเพลง ช๊อปปิ้ง

กิจกรรมยามว่างจากงานหลักๆตอนนี้คงเป็นนั่่งโหลดเพลงนี่เเหละครับ ผมนี่ถือว่าเป็นตัวสะสมเทป ซีดีเพลงตัวยงอยุ่เหมือนกัน แต่ก่อนเข้าร้านเทปเพลงเเทบทุกอาทิตย์ ได้มาทีก็ม้วนสองมัวน มาเมกานี่เเหละครับต้องทำตัวประหยัดสักหน่อย ขืนทำตัวเเบบอยุ่เมืองไทยคงกรอบก่อนเรียนจบ ผมว่าไอ้พถติกรรมนั่งโหลดเพลงผมนี่มีจุดหักเหมาจากไอ้เจ้าไอพ๊อดนี่เอง ก็ดันมีเครื่องไอบุ๊ค ไอพ๊อด แล้วถ้าผมจะไม่โหลดเพลงเข้าไปใส่ไอ้เจ้ากล่องสี่เหลี่ยมขาวๆ เลยเนี่ยเค้าจะหาว่าผมเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ไม่ rational ผมก็ต้องโหลดสิตรับ พอดีได้มาเจอเว็บไซด์นึงให้ดาวน์โหลดฟรี คราวนี้ไปกันใหญ่ตรับโหลดไปโหลดมา พื่นที่ในไอพ๊อดผมก็ถูกจับจองไปเเล้วหนึ่งในสาม (ไอพ๊อดของผมนี่ 20G นะ) ใครอยากตามไปโหลดก็เเวะไปเยี่ยมชมกันได้ที่ http://www.emp3world.com ส่วนเรื่องไวรัสนี่ตัวใครตัวมันก็เเล้วกัน หาทางป้องกันเอาเอง ผมนะคงปลอดภัยระดับนึงเพราะผมใช้ไอ้เจ้าไอบุ๊คโหลดมาตลอด พีซีไวรัสก็คงทำไรไม่ได้ระดับนึง

คิดๆดูเเล้วการทำตลาดของไอ้เจ้าผลิตภัณฑ์ในเครือเเอ๊ปเปิ้ลนี่เเยบยลนะครับ ไอ้ตัวไอ้พ๊อดนี่ลดเเลกเเจกเเถมกันให้เกลื่อน แล้วก็ทำกำไรจากกาให้ดาวน์โหลดเพลงจากไอทูน เพลงละเก้าสิบเก้าเซนต์ เร็วๆนี่ก็ได้ข่าวว่าคนเข้าไปดาวน์โหลดถึง ห้าร้อยล้านเพลง คิดเป็นเงินเอาเองละกันครับ เเอ๊ปเปิ้ลกำไรเห็นๆ อีกไม่นานผมว่าคงได้เห็นเเอ๊ปเปิ้ลครองตลาดพีซีเพิ่มขึ้นเเน่ๆ ธุรกิจให้ดาวน์โหลดเพลงนี่ผมว่าคงเป็นธุรกิจที่พอจะทำกำไรให้ทางเเอ๊ปเปิ้ลไอ้อีกสักพัก แต่อย่าลืมนะครับว่ามันก็เป็นการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆของทางเเอ๊ปเปิ้ลไปอีกทางด้วย มีเว็บสถิติส่วนเเบ่งของตลาดคอมพิวเตอร์ในช่างปี 1975-2004 มาให้ดูเล่นๆ http://www.pegasus3d.com/total_share.html ลองคิดกันเล่นๆดูละกันว่าแค่ส่วนเเบ่งเพิ่มขึ้นมาปีละสองเปอร์เซนต์นี่ผมว่าเค้าคงถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรในการที่จะให้คนที่ชินกับการใช้เครื่องพีซี สวิทช์มาใช้คอมของเเอ๊ปเปิ้ล

ตัวผมเองก็ไม่คิดมาเเต่เเรกว่าจะกลายมาเป็นสาวกเเมคกะเค้า พอมารู้ตัวอีกทีผมก็หันไปกัดเเอ๊ปเปิ้ลเข้าเเล้วคำโต