Boredom, Travel, and Undisciplined Animal
รู้สึกช่วงนี้จะเป็นช่่วงที่ผมรู้สึกเรื่อยๆเอื่อยๆอย่างเเรง เหมือนสัตว์หมดเเรงกระตุ้นยังไงอย่างนั้น อยากอัพเดทบล็อคเเต่ก็ขี้เกียจ มีเรื่องในหัวมากมาย เช่น เรื่องราวระหว่างคุณสนธิกับคุณทักษิณ การลาจากโลกของ The Godfather of Management Peter F. Drucker (อันนี้ยืมคำพูดของคุณ BF มา) ระบบการคัดเลือกนักศึกษา เเต่จนเเล้วจนรอดผมก็ผลัดวันประกันพรุ่งมาได้เป็นอาทิตย์ อ่านหนังสือเรียนได้สองหน้าอย่างกับอ่านมาแล้วสองชั่วโมง หาวหวอดๆๆๆๆ ดังนั้นมันคงต้องหยุดพักสมองสักหน่อยหาที่ๆสบายผักผ่อนกัน
ไม่รอช้าเลยครับสถานที่ใกล้ๆที่พอจะสนองตัณหาคงเป็น San Diego เนื่องจากพอที่จะขับไปเช้าเย็นกลับได้ไม่มีปัญหา ใจจริงแล้วผมอยากไปนอนค้างเสียด้วยซ้ำเเต่ติดที่เพื่อนร่วมทริปชาวเกาหลีดันไม่อยากนอนค้างเนื่องจากมีปัญหาเรื่องบัดเจ็ด ผมกับเพื่อนอีกสองคนเลยต้องจำยอมไปเช้าเย็นกลับ เร่ิมทริปด้วยการที่ผมต้องไปรับเพื่อนสาวเกาหลีสองคนแต่เช้าแล้วออกเดินทางด้วยฟรีเวย์ 5 south ยาวถึง San Diego ไม่ต้องคาดเดาให้เมื่อยตุ้มตลอดทริบนี้ผมทำหน้าทีเป็นคนขับรถส่วนตัวให้เพื่อนต่างชาติไปเสียเเล้ว สองสาวเกาลีก็ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางได้ดีมากขี้นรถปุ๊บหลับปั๊บ โอช่างเยี่ยมจริงๆ
เเต่เดิมทีผมกะว่าจะไป Sea World แล้วค่อยต่อด้วยการชมเมืองเล็กๆน้อย เเต่ติดปัญหาทางเทคนิค ทริปนี้เลยเปลี่ยนเป็นนั่งรถเล่น กินลม ชมเมืองเเทน ไม่ว่ากันอยู่เเล้วขอให้ได้ออกไปจากพื้้นที่เเอลเอ ผมเป็นพอใจ เป็าหมายเเรกของเราคือ UCSD เนื่องด้วยวันที่เราไปนี้ตรงกับ Thanksgiving มหาลัยจึงปิดเเต่ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะผมอยากไปดูเเค่ห้องสมุดของ UCSD
ตัวตึกนี่ผมว่าออกเเบบได้เเปลกดีเหมือนรูปเพชรยังไงก็ไม่รู้ ห้องสมุดมีชั้นใต้ดินด้วยสงสัยห้องสมุดธรรมศาสตร์ไปก๊อบมาเเน่ๆ พวกผมก็ได้เเต่เดินรอบๆ ถ้ายรูปกันไป บรรยากาศรอบๆเเคมปัสนี่ดูเงียบสงบดีนะครับ อากาศก็ดีเย็นสบาย ตัวตึกเรียนดูไม่ค่อยเเออัดเหมือน UCI เราใช้เวลากันไม่นานเท่าไหร่นัก ก็ขับรถต่อกันไปที่ La Jolla
ก่อนที่จะเกริ่นถึงเมือง La Jolla นี่ผมว่าเรามาดูเกร็ดการออกเสียงตัว J กับ L ในภาษาสเเปนนิชกันก่อนดีกว่า อย่างที่เราทราบๆกันนะครับว่าดินเเดนฝั่งตะวันตกของอเมริกาเเต่ดั้งเดิมนั้นชาวสเเปนนิชกับชาวพื้นเมืิองอินเดียนเเดงเป็นผู้จับจองอยู่ก่อนแล้ว อเมริกาเพิ่งเข้าไปยึดครองมาได้ไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง (ที่มาเเบบย่อๆเชิญหาอ่านได้ที่ http://www.californiahistory.net/) ดังนั้นจึงไม่เเปลกนักที่จะมีการใช้ภาษาสเปนมาตั้งชื่อสถานที่ต่างๆ เช่น Los Angeles, San Clemente, San Jose, San Macros, La Jolla รวมทั้ง San Diego ปัญหาของการเรียกชื่อคงไม่เท่าไหร่ถ้าเรารู้การออกเสียงของตัว J ในคำเหล่านี้ยกตัวอย่าง เช่น San Jose ออกเสียงว่า ซานโฮเซ่ Juan ออกเสียงว่า ฮูวอน ไม่ใช่ซานโจเซ่ หรือจูออนเป็นต้น ส่วนเสียงตัว L นี่ถ้าสังเกตดีๆเวลามีตัวเเอลสองตัวในศัพท์คำเดียวกัน เวลาออกเสียงมักจะออกเป็นเสียง ย หรือ Y เเทน ตัวเอย่างเช่นเมือง La Jolla เราออกเสียงกันว่า ลา ฮอลย่า เป็นต้น
เอาละครับวกกลับมาเที่ยวกันต่อที่เมือง La Jolla (ย้ำอีกทีนะครับว่า ลา ฮอลย่า) เป็นเมืองเล็กๆที่มีทางเดินชมเลียบชายฝั่ง และยังมีร้านค้าเล็กๆสไตล์น่ารักๆ และที่ผมชอบมาทีสุดคงเป็น Art Gallerty มีเป็นสิบๆร้านตลอดถนน ยังมีร้านอาหารสไตล์น่ารักๆ เเบบน่านั่งโคตรๆ คนดังๆในฮอลลีวู๊ดก็มานั่งกินกันบ่อยนะครับ ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวก็อย่าลือมาเเวะกินลมชมวิวชายหาดละกัน สนนราคามีให้เลือกตั้งเเต่ $10-30 up แล้วเเต่กำลังทรัพย์ ผมใช้เวลาเดินชมเมืองกับชายหาดรวมเป็ดเสร็จชั่วโมงครึ่งได้ เล่ามาได้เกือบครึ่งทางเเล้ว เริ่มหิวซะเเล้วก็อาศัยถามพนักงานร้านกิ๋ฟช็อบว่าพอจะมีที่ไหนให้เราหาอาหารมากระเเทกปาก ได้ความมาว่ามีอาหารให้เลือกชิมมากมายที่เมืองเก่าซานดิเอโก้ แล้วค่อยขับเลยไปดูโรงเเรม Del Coronado แล้ววกลับเข้ามาดาวน์ทาวน์ซานดิเอโก้ ถ้านึผู้อ่านึกภาพไม่ออกว่าเมืองเก่าซานดิเอโก้กับดาวน์ทาวน์ซานดิเอโก้เป็นอย่างไร ผมอนุโลมให้คุณลองคิดถึงเมืองเก่าอยุธยากับถนนสีลมเข้าไว้ นั่นละครับประมาณนั้นเเหละ
ในตัวเมืองเก่าของซานดิเอโก้นั้นก็จะมี historic place ต่างกันไป สภาพเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีร้านรวงขอยของตลอดทั้งหมู่บ้านสลับไปมากับร้านอาหาร มื้อนั้นเราสามคนตกลงกันว่าจะกินอาหารเเม๊กซิกัน ว่าเเล้วพอหาที่จอดรถได้ผมก็ตรงดิ่งไปร้านอาหารเเม๊กซิกันร้านเเรกที่ผมเจอ ตอนเเรกผมว่าจะสั่ง combo taquitos and taco คิดไปคิดมาสั่งอะไรเเปลกๆดีกว่า ก็เลยลอง Chicken Monterey ดูเป็นเนื้อไก่หมักส่วนอกที่เอาไปย่างเเล้วราดซอสอะไรผมก็ไม่รู้โปะด้วยชีส ผมไม่ลืมทีจะสั่ง Chipotle ซอสพริกเผ็ดหอมๆกลิ่นพริกย่าง เสริฟพร้อมข้าวผัดสไตล์เเม๊กซิกันกับถั่ว เป็นอันว่ารอดตายไปอีกมื้อ หลังจากนั้นเราก็เดินย่อยอาหารกันอีกสักชั่วโมง ผมรู้สึกชอบมากกับสภาพความเป็นอยู่ที่ทางซิตี้ยังให้การอนุรักษ์เอาไว้ พร้อมทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองเก่านี้อีกด้วย เนื่องด้วยตัวกระผมไม่ได้มีกล้องติดตัวไปด้วย จึงต้องจำนนเป็นตากล้องจำเป็นให้กับเพื่อนร่วมทริปสองคนไปโดยปริยาย
แล้วผมก็ขับรถลงมาทางใต้อีกสักระยะเพื่อมายังเกาะ Coronado เพื่อมาดูโรงเเรม Del Coronado โรงเเรมที่มีประวัติศาสตร์การเปลี่ยนมือมาอย่างโชคโชน และยังเป็นสถานที่ๆเหล่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใช้เป็นที่พักอยู่บ่อยครั้ง เช่น Ronald Reagan, Bill Clinton กับคนอื่นๆ ตัวโรงเเรมสวยมากครับ โดยเฉพาะเวลาเดินเข้าไปในล๊อบบี้ของโรงเเรมดูขลังๆดี เหมาะเเก่การมาเวะชมมากเเต่ไม่น่าพักซักเท่าไหร่เพราะคนเอะอะจอเเจเยอะมากครับ ผมชอบความสงบเป็นธรรมชาติจึงขอเลือกพักที่อื่นจะเหมาะกว่า เราใช้เวลาไม่นานนักในการเเวะเวียนที่โรงเเรมนี้ จริงๆไม่อยากบอกว่ายืมห้องนำ้โรงเเรมเค้าใช้ แต่ก็เก็บภาพบรรยากาศให้กับสองสาวได้พอควร
มาถึงตอนนี้ผมเริ่มหมดเเรงซะเเล้วเหนื่อยมากๆ ตอนกลางคืนดันตื่นเต้นจะได้มาเสือกนอนไม่หลับนอนไปได้เเค่สี่ชั่วโมง ผมเลยตัดสินใจจะขับรถชมดาวน์ทาวน์กันเฉยๆ ไม่ลงไปเดินเเล้ว มีข้อน่าสังเกตอยู่อย่างนึงครับ ไม่รู้ว่าทำไมตามดาวน์ทาวน์ของเมืองต่างๆนี่ต้องมีชื่อถนนเหมือนๆกันหมดเลย อย่างเช่น 1st, 2nd, 3rd, Blah Blah Blah เเถมต่อให้อีกนิดนึงครับ Market กับ Broadway นี่ก็ยอดฮิต ขอผู้ใคร่รู้ช่วยชี้ทางกระจ่างด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง และเเล้วผมก็นั่งคุมบังเหียนเจ้าสี่ล้อบังคับเจ้าหกสูบเเล่นกลับเมืองนางฟ้าราตรี ในขณะที่สองสาวก็เสมอต้นเสมอปลายตลอดทริป นิ่งเป็นหลับขยับเป็นเเดก ฮา แล้วเจอกันทริปหน้าครับ
ป.ล. เนื่องด้วยสาวๆยังไม่ได้ส่งรูปมาให้ ผมเลยหาเอาจากเน็ตเเปะๆให้ชมก่อนนะครับ